ปฏิทินการปฏิบัติงานฝ่ายวางแผนฯ

ปฏิทินการปฏิบัติงานด้านการวางแผนและประกันคุณภาพการศึกษา
-ขับเคลื่อนแผนงานพัฒนาโรงเรียนมาตรฐานสากลตลอดปี 2556-57
-รายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2556 (มีนาคม 2557)
-รายงานประจำปีฉบับเผยแพร่ (มี.ค.-พ.ค. 2557)

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประธานรัฐสภาอดีตศิษย์เก่าขอนแก่นวิทยายน


นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2497 นายสมศักดิ์สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และจบปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาการเมือง จากมหาวิทยาลัยอเมริกา ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
นายสมศักดิ์ได้รับฉายาว่า "ขุนค้อน" ตั้งแต่ครั้งที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2540 สังกัดพรรคความหวังใหม่ ได้นำค้อนขึ้นมาเคาะบัลลังก์ แบบเดียวกับที่ใช้ในศาลยุติธรรมในต่างประเทศ เพื่อระงับเหตุเมื่อเกิดการถกเถียงกันในสภา
เดิมนายสมศักดิ์เป็นแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา แต่เมื่อนายสมศักดิ์เข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้เกิดความขัดแย้งกันในกลุ่ม นายสมศักดิ์จึงแยกตัวออกไปตั้งกลุ่มใหม่คือกลุ่มขุนค้อน
ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี นายสมัคร สุนทรเวช จัดรายการชิมไปบ่นไป และยกโขยง 6 โมงเช้า มีมติเอกฉันท์ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง
ต่อมาในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551 มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับเลือกด้วยคะแนน 298 ต่อ 163 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 18 กันยายน ต่อมาในวันที่ 24 กันยายน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง คณะรัฐมนตรีคณะที่ 58 ของประเทศไทย โดยนายสมศักดิ์ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม[1]
ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชน และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคคนละ 5 ปี ทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต้องพ้นจากตำแหน่ง จึงส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง จากนั้นจึงได้ย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2553[2]
ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดขอนแก่น และได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประวัติการทำงานทางการเมือง

* สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ขอนแก่น 10 สมัย

* รองประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย

* รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

* รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์

* มหาวชิรมงกุฎไทย (ม.ว.ม.)

* ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ม.ช.)

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทิศทางการพัฒนาการเรียนการสอนขอนแก่นวิทยายน

ในช่วง 5 ปี ข้างหน้าโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนได้มีการวางแผนยุทธศาสตร์ใหม่โดยมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านคุณภาพของผู้เรียนเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในบริบทโลก โดยเฉพาะการรวมประชาคมอาเซียนเป็นหนึ่งเดียวซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสังคมไทยโดยตรง

ดังนั้นทิศทางการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนจึงมุ่งเน้นในแนวทางที่สำคัญคือ
  1. การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ
  2. การจัดการเรียนการสอนมุ่งสู่ความเป็นสากล โดยเน้นการสอนในรายวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นทุกระดับ โดยนักเรียนจะได้เรียนภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาทุกคน รวมทั้งจัดการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศภาษาที่สองคือภาษาจีนทุกระดับชั้นอีกเช่นกัน
  3. การจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนที่มีความสนใจและมีความสามารถพิเศษ 2 โครงการคือ โครงการส่งเสริมความเป็นเลิศวิทย์-คณิต สำหรับนักเรียนที่มีสามารถพิเศษทางวิทย์-คณิต และโครงการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเป็นสื่อ(EP) สำหรับนักเรียนที่มีความสนใจด้านภาษาอังกฤษโดยเฉพาะเรียนกับอาจารย์ชาวต่างประเทศทุกรายวิชายกเว้นภาษาไทย
  4. เร่งรัดยกระดับผลัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกระดับชั้นโดยการพัฒนากระบวนการเรียนการสอน การนิเทศและการวัดผลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  5. เร่งรัดการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนในชั้นเรียนให้มากยิ่งขึ้นทุกรายวิชาทุกกลุ่มสาระ เพื่อเชื่อมสาระการเรียนรู้ให้สอดรับกับสารสนเทศของโลก
  6. เร่งรัดพัฒนาครูให้มีคุณภาพรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เน้นการสอนโดยสอดแทรกภาษาอังกฤษทุกรายวิชาโดยครูผู้สอนทุกคน
  7. ส่งเสริมให้ผู้เรียนและผู้สอนสื่อสารกันด้วยภาษาต่างประเทศทุกวันเพื่อให้ผู้เรียนมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการสื่อสารโดยใช้ภาษาต่างประเทศโดยเร่งด่วน
ทั้งหมดนี้คือแนวทางหลักในด้านการพัฒนาการเรียนการสอนของโรงเรียนในช่วงอีก 3-5 ปีข้างหน้าที่ต้องเร่งรัดดำเนินการอย่างเร่งด่วน