ปฏิทินการปฏิบัติงานฝ่ายวางแผนฯ

ปฏิทินการปฏิบัติงานด้านการวางแผนและประกันคุณภาพการศึกษา
-ขับเคลื่อนแผนงานพัฒนาโรงเรียนมาตรฐานสากลตลอดปี 2556-57
-รายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2556 (มีนาคม 2557)
-รายงานประจำปีฉบับเผยแพร่ (มี.ค.-พ.ค. 2557)

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คสช.กับการปฏิรูปการศึกษา

ปฏิรูปการศึกษายุค คสช.
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
ถ้านับการปฏิวัติ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นจุดเริ่มต้น ปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่เกิดขึ้นมาตามลำดับ ได้แก่ การยกเลิกนโยบายประชานิยมแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เดิมจะเปลี่ยนมาเป็นห้องเรียนอัจฉริยะ หรือสมาร์ท คลาสรูม
ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล มีรัฐมนตรีว่าการและช่วยว่าการ รวม 3 คน สะท้อนนัยการให้ความสำคัญกับปัญหาการศึกษา ยังไม่ตอบรับห้องเรียนอัจฉริยะ แต่เปลี่ยนมาเป็นมุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยขยายผล พัฒนาระบบการจัดการศึกษาทางไกลแทน ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้ว
ขณะที่เกิดปรากฏการณ์ทางการบริหารที่แตกต่างไปจากแนวทางการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายนโยบายที่ทำตามกันมา ซึ่งแต่ก่อน รัฐมนตรีว่าการฯจะกำกับดูแลหน่วยงานหลักที่มีสถานศึกษา บุคลากรและงบประมาณมากที่สุดคือ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ปรากฏว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการปัจจุบันมอบหมายหน่วยงานหลักดังกล่าวให้กับรัฐมนตรีช่วย เพื่อผลักดันนโยบายใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการศึกษาทางไกลให้เกิดผลสัมฤทธิ์กว้างขวางออกไป โดยรัฐมนตรีว่าการเลือกกำกับดูแลหน่วยงานด้านการอาชีวศึกษา คือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาด้วยตัวเอง
แนวทางการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบดังกล่าวสะท้อนนัยถึงการให้ความสนใจ วางน้ำหนักไปที่การศึกษาด้านอาชีวะ การศึกษาเพื่ออาชีพและการมีงานทำ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพปัญหาการขาดแคลนช่างเทคนิคระดับกลางและระดับสูง และทิศทางในอนาคตเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลางสู่รายได้สูงด้วยการยกระดับกำลังแรงงานจากไร้ฝีมือ ผลตอบแทนและผลผลิตต่ำ พัฒนาเป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ
นโยบายนี้จะส่งผลไปถึงสถานศึกษาระดับพื้นฐาน ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนเห็นคุณค่าของการทำงาน การใช้ทักษะฝีมือ สามารถปฏิบัติได้จริงด้วยหรือไม่ น่าติดตาม
ด้วยการส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา สร้างหลักสูตรเพื่อให้เด็กค้นพบตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ รู้ความสามารถ ความถนัด ความชอบของตน ประกอบการตัดสินใจเลือกทางเดินในอนาคตระหว่างสายสามัญกับสายอาชีพ การพลิกฟื้นโรงเรียนมัธยมแบบประสมที่เคยจัดการศึกษารุ่งเรืองมาตั้งแต่ยุค 2510 แต่ถูกยกเลิกไปจะกลับมาทำจริงจังกันอีกครั้งหรือไม่
ปรากฏการณ์ต่อมาคือ การประกาศตัวของผู้ทรงคุณวุฒิเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปสายการศึกษามีจำนวนมากที่สุด สะท้อนถึงความสนใจ ความตระหนัก และความปรารถนาที่จะเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาระบบการศึกษาไทยอย่างมีนัยอีกเช่นกัน
ตามมาด้วยปรากฏการณ์ที่กำลังขยายตัวให้จับตาต่อไปคือ ประเด็นการปฏิรูปการศึกษาด้วยการทบทวนโครงสร้างการจัดองค์กรบริหารการศึกษา ผ่าตัดกระทรวงศึกษาธิการใหม่
แยกสภาการศึกษาแห่งชาติกลับไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีเหมือนในอดีต แบ่งอุดมศึกษาออกไปตั้งเป็นทบวงมหาวิทยาลัย ภายใต้ชื่อทบวงอุดมศึกษาและการวิจัย หรืออะไรก็ตาม
พร้อมกันนี้ เริ่มมีการขยับตัวด้านบริหารอาชีวศึกษา จะยกฐานะขึ้นเป็นทบวงอาชีวะเช่นกัน ทำให้สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาส่วนหนึ่งต้องเลือกตัดสินใจใหม่ว่าจะอยู่ใต้สังกัดใดดี อาทิ เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาลัยชุมชน เป็นต้น
ส่งผลทำให้ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเริ่มหวนคิดถึงทบวงการศึกษาขั้นพื้นฐานขึ้นมาบ้าง ขณะที่การศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษาตลอดชีวิต กำลังมองหาว่าจะมีช่องทางใดจะเติบใหญ่ มีอิสระและคล่องตัวยิ่งขึ้น
ปรากฏการณ์ทางการศึกษาที่ผมลำดับมาตามนี้ ล้วนท้าทายทั้งฝ่ายกำหนดนโยบายยุคทำได้ ทำจริง ทำทันที กับฝ่ายคิดยุทธศาสตร์และมาตรการทางปฏิบัติที่ควรจะเป็นคือสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านการศึกษา
แนวคิด นโยบาย และข้อเสนอของทั้งสองฝ่ายจะมาบรรจบพบกันอย่างไร เมื่อไหร่
จะมีการสุมหัวเพื่อหาจุดลงตัวในประเด็นโครงสร้างองค์กรบริหารการศึกษากันอีกครั้งใหญ่
ผมหวั่นเหลือเกินว่าวังวนเดิมจะกลับคืนมาใหม่ ส่วนหัว ส่วนบน ส่วนกลาง จะต้องเสียเวลาสาละวน เสียกำลังคน เสียงบประมาณไปกับการจัดสรรตำแหน่ง หาเก้าอี้ให้ลงตัวก่อนเป็นหลัก ไม่ส่งผลถึงความเข้มแข็ง คล่องตัว มีอิสระของสถานศึกษา ซึ่งเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของระบบการศึกษาที่แท้จริง
บทเรียนกว่าสิบปีที่ผ่านมายืนยันชัดว่า การเปลี่ยนแปลงส่วนบนไม่เกิดการกระจายอำนาจบริหารการศึกษาจนส่งผลไปถึงโรงเรียนและเด็ก คุณภาพการศึกษา ผลสัมฤทธิ์จึงตกต่ำอย่างน่าใจหาย
ทิศทางและจุดเน้นของยุทธศาสตร์ที่ควรทำอย่างเร่งด่วนจึงไม่ใช่เน้นปฏิรูปโครงสร้าง แต่ต้องเป็นการปฏิรูปครู ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนในสถานศึกษาทุกระดับ และทำให้การศึกษาตลอดชีวิตเป็นจริงยิ่งขึ้น
ปฏิรูปครูปัจจุบันและพัฒนาการผลิตครูใหม่อย่างเชื่อมโยงเป็นระบบ แก้ทุกประเด็นปัญหาทั้งประสิทธิภาพการทำงาน ปลุกจิตวิญญาณสำนึกของความเป็นครู ความไม่เป็นธรรมในการบริหารบุคคล การคอร์รัปชั่นในวงการครูและระบบการศึกษาในภาพรวม
แนวทางสนับสนุนที่ต้องทำควบคู่กันไปคือ กระจายอำนาจการจัดให้มีการศึกษาให้องค์กรท้องถิ่นและหน่วยจัดการศึกษาอื่นๆ ที่มีศักยภาพให้มากที่สุด
ภายใต้เวลาจำกัด หากทำเรื่องเร่งด่วน ปฏิรูปครู ปฏิรูปการเรียนรู้และการกระจายอำนาจ
ก่อนมุ่งปฏิรูปโครงสร้าง เชื่อเหลือเกินว่า ปฏิรูปการศึกษามีความหวัง
ที่มา มติชนรายวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น